วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

web2.0 เอกสารและppt

ดู Power Point


รายงานวิชา การจัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหาร
(Information Technology for Educational Management)
เรื่อง Web 2.0

สมาชิกในกลุ่ม
1. นายนรินทร์ ไพเราะ           58920523
2. นายวิษณุ โชโต                   58920532
3. นายอุปกิต ทรวงทองหลาง 58920538
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา กลุ่ม 11 วันพุธ

เสนอ
ผู้ช่วยศาสตรจารย์.ดร.สุเมธ   งามกนก

ปีการศึกษา ภาคฤดูร้อน/2558
คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยบูรพา

คำนำ
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา การจัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหาร
(Information Technology for Educational Management)  ซึ่งวัตถุประสงค์ที่คณะผู้จัดทำได้จัดทำรายงานเล่มนี้ขึ้นมา  เพื่อศึกษาในเรื่อง Web 2.0 ว่าคือะไร หมายถึงอะไร มีประโยชน์และคุณลักษณะอย่างไรไว้ในเล่มนี้อีกด้วย
คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานเล่มนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้นำไปศึกษาเพื่อเป็นความรู้ต่อในด้านการจัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหาร หากมีข้อผิดพลาดประการใดหรือข้อมูลไม่สมบูรณ์คณะผู้จัดทำจึงขออภัยมา  ณ  ที่นี่ด้วย


คณะผู้จัดทำรายงาน















สารบัญ
เรื่อง                                                                                                                               หน้า
1. Web 2.0 คืออะไร                                                                                                                                            1
2. Web 2.0 หมายถึง                                                                                                                                           1

3. ประโยชน์ของ Web 2.0                                                                                                                                  2

4. คุณลักษณะของ Web 2.0                                                                                                                               2

5. สรุป web 2.0                                                                                                                                                  7

6. อิทธิพลของ Web 2.0 ที่มีต่อพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน                                                          8



Web 2.0 คืออะไร
       เว็บ 2.0  คือเวอร์ชั่นของเทคโนโลยีเวิลด์ไวด์เว็บ มันคือรูปแบบที่พัฒนาขึ้นจากเดิมในด้านการออกแบบเว็บไซต์ คือ ออกแบบมาให้ส่งเสริมการแบ่งปันข้อมูลได้ง่าย แพร่กระจายเร็วส่งเสริมให้มีอิสระในการคิด ดีไซด์พื้นที่ในอินเตอร์เน็ตได้มากขึ้น เว็บ 2.0 จะมีลักษณะเรียกว่าเป็นชุมชน มีความสามารถในการแบ่งปันข้อมูล (Share file) ร่วมกันรวมถึงพูดคุยโต้ตอบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันมากขึ้น ตลอดจนคนเผยแพร่ข้อมูลไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของเว็บ อย่าง วิกิพีเดีย (Wikipedia) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้เขียนบทความเข้าไปอย่างอิสระและมีการตรวจสอบกันเองรวมทั้งการเกิดเว็บ blog ด้วย
Web 2.0 หมายถึง
เป็น Social network ที่อยู่เหนือการใช้งานของซอฟต์แวร์โดยไม่ยึดติดกับตัวซอฟต์แวร์เหมือนระบบคอมพิวเตอร์ที่ผ่านมา โดยมีข้อมูลที่เกิดจากผู้ใช้หลายคน (ตัวอย่างเช่น บล็อก) เป็นตัวผลักดัน
ความสำเร็จของเว็บไซต์อีกต่อหนึ่ง ซึ่งเว็บไซต์ในปัจจุบันมีลักษณะการสร้างโดยผู้ใช้ที่อิสระและแยกจาก
กัน ภายใต้ซอฟต์แวร์ตัวเดียวกัน เพื่อสรรค์สร้างระบบให้ก่อเกิดประโยชน์ในองค์รวม Web 2.0 มีการ
พัฒนาและการโต้ตอบระหว่างผู้ให้บริการและผู้ใช้งาน แทนที่จากระบบเว็บแบบเก่า ที่เป็นลักษณะของการ
ให้บริการอ่านอย่างเดียว โดยรวมไปถึงการรวดเร็วและการง่ายดายของการส่งข้อมูล แทนที่แบบเก่าที่ต้อง
จัดการผ่านเซิร์ฟเวอร์ซึ่งบล็อกและเว็บที่ให้บริการอัปโหลดภาพถูกนำมาใช้เป็นตัวอย่าง ของเว็บ 2.0 ที่ให้
เห็นได้ทั่วไป ที่มีการให้บริการแสดงความคิดเห็น รวมถึงการใช้งานที่ง่าย โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ใน
ด้านเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์แต่อย่างใด เห็นได้ว่าลักษณะของเว็บ2.0 นั้นก่อให้เกิดการสร้างเนื้อหา ที่รวดเร็วและมี
การแบ่งปันข้อมูลที่ง่ายขึ้น โดยลักษณะของเว็บเปลี่ยนจากทางเน้นหนักทางด้านเทคนิคไปในด้านข้อมูล
ข่าวสารแทนที่และก่อให้เกิดประโยชน์ในด้านธุรกิจต่อมา Web 2.0 ได้พัฒนาจนเป็นที่รู้จัก หรือเป็นเทรน
ของคนยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีไอซีทีที่มีการใช้การสื่อสาร 2 ทาง ทำให้ผู้คนสามารถมีปฏิสัมพันธ์กันได้อย่าง
ดีและที่สำคัญสามารถติดสื่อสื่อสาร เชื่อมโยง มีส่วนร่วมในการดำเนินงานกับคนจำนวนมากในขณะที่อยู่ใน
สถานที่ต่างๆ กัน
ประโยชน์ของ Web 2.0
1. สามารถสื่อสารตอบโต้ได้ทั้งผู้สร้างเว็บและผู้ใช้เว็บ ดังเช่น Blog หรือการโพสต์กระทู้ต่างๆ
2. สามารถสร้างปรากฏการณ์แบบปากต่อปากได้ดังไฟลามทุ่ง จากการแนะนำผ่าน Blog ส่วนตัว คุณอาจ
ตัดสินใจซื้อครีมชนิดนั้นมาใช้เพราะคนที่ใช้แล้วดีมาเขียนบอกใน Blog
3. สามารถต่อยอดข้อมูลต่างๆออกไปได้ไม่จำกัด และข้อมูลจะถูกตรวจสอบคัดกรองอยู่ตลอด ตัวอย่างเช่น
Wikipedia ที่ใครก็สามารถเขียนในสิ่งที่ตนรู้ลงไปได้

คุณลักษณะของ Web 2.0
1. เป็นเว็บไซต์ที่เน้นบริการที่หลากหลายรูปแบบและตรงตามความต้องการของผู้ใช้งานมากขึ้น โดยมีการ
โต้ตอบระหว่างเจ้าของเว็บไซต์และผู้ใช้งาน ซึ่งผู้ใช้งานหรือสมาชิกที่เป็นบุคคลทั่วไปสามารถเข้ามามีส่วน
ในการจัดการและแบ่งปันเนื้อหาดังกล่าวให้กับกลุ่มคนในสังคมออนไลน์ส่งผลให้เกิดการติดต่อสื่อสารกัน
และมีกิจกรรมร่วมกัน
2. เป็นเว็บไซต์ที่พัฒนาให้ผู้ใช้สามารถสร้างเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว โดยผู้ใช้ไม่ต้องมีความรู้ในเชิงเทคนิค
รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลไปยังเครือข่ายออนไลน์ที่ง่ายขึ้น ดังจะเห็นได้จากการใช้งานผ่าน Blog และ
เว็บไซต์ที่บริการให้ upload ภาพต่างๆ ในปัจจุบัน
3. เป็นเว็บไซต์ที่เน้นหนักในด้านข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์มากกว่าแต่เดิมที่เน้นในด้านเทคนิคเป็นส่วน
ใหญ่
4. เนื้อหาส่วนใหญ่จะมีการจัดเรียง จัดกลุ่มเข้าหมวดหมู่และเป็นระบบมากกว่าเดิม
เว็บ 2.0 มีคุณสมบัติที่เรียกว่า SLATES มีดังต่อไปนี้ 
Search - ค้นหาข้อมูลได้
Links - เชื่อมโยงข้อมูลภายใน
Authoring - สามารถสร้างและอัพเดตเนื้อหาได้โดยผู้ใช้ เช่น การโพส blog หรือถาม-ตอบในกระทู้
Tags – สามารถเพิ่มเติมการจัดหมวดหมู่เนื้อหาได้โดยไม่ถูกจำกัดให้อยู่ในกลุ่มเนื้อหาที่ถูกสร้างไว้อยู่แล้วเรียกอีกอย่างว่า Folksonomy
Extensions - มีส่วนประกอบเพิ่มเติมให้กับเว็บได้
Signals - มีการใช้งานเทคโนโลยี syndication เช่นพวก RSS feeds เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้รับรู้ข่าวสารที่อัพเดต





โดยแนวทางของ Web 2.0 สามารถสรุปได้ดังนี้
      - เว็บมีหน้าที่เป็น computing platform ที่ให้บริการเว็บแอปพลิเคชั่น แก่ผู้ใช้บริการทางอินเทอร์เน็ต
      - มีดาต้าเป็นองค์ประกอบสำคัญ
      - มีเน็ตเวริค์ที่เกิดจากการเข้ามามีส่วนรวมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต มีการสื่อสารระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ต   ที่เปิดกว้าง
      - มีการจัดหมวดหมู่เนื้อหาและการจัดระเบียบภายในเว็บที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสถาปัตยกรรมบนเว็บมีการพัฒนามากขึ้น
      - Web 2.0 เป็นคำที่ใช้ในแง่การตลาด เพื่อแบ่งแยกธุรกิจบนเว็บยุคใหม่ออกจากยุคเริ่มต้น (ยุค 90)
      - มีการตอบรับอย่างตื่นตัวต่อนวัตกรรมใหม่ ในแวดวงเว็บแอปพลิเคชัน และบริการทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งได้รับแรงผลักดันอย่างมากในช่วงกลางปี 2548
      - เปลี่ยนจากเว็บไซด์แบบ static การค้นหาจาก search engines และ การท่องอินเทอร์เน็ตจากเว็บไซด์หนึ่งไปยังอีกเว็บไซด์หนึ่ง กลายเป็นเว็บไซด์แบบ dynamic ที่มีการโต้ตอบและมีการถ่ายทอดข้อมูลระหว่างเว็บไซด์ โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทำการค้นหาด้วยตนเอง
อิทธิพลของ Web 2.0 ที่มีต่อพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน
     การติดต่อสื่อสารโดยมีคอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลางเพื่อสร้างชุมชนออนไลน์ขึ้น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อ blogs และ wikis นอกจากนี้บางเว็บไซด์ได้มีการให้บริการ RSS feeds เป็นจำนวนมากภายในหน้าเว็บของตน ในขณะที่บางเว็บไซด์ได้สร้างลิงค์ที่ลิงค์ไปยังเว็บไซด์อื่น ๆชนิดเจาะลึกเข้าถึงข้อมูล
     ความสามารถในการเชื่อมโยงข้อมูลทางเว็บ การติดต่อสื่อสาร รวมไปถึงการส่งข้อความต่าง ๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ที่ Web 2.0 พัฒนาขึ้น ได้ก่อให้เกิดการโยงใยทางสังคมที่แน่นแฟ้นระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในยุคก่อนหน้านี้
     นอกจากนี้ได้มีการใช้ Ajax ในการพัฒนาเว็บไซด์ที่สามารถทำงานคล้ายคลึงแอปพลิเคชันในเครื่องพีซี เช่น word processing spreadsheet และ slide-show presentation เป็นต้น Wysiwyg (What You See Is What You Get) และ wiki เป็นตัวอย่างของเว็บไซด์ประเภทดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีเว็บไซด์ที่ช่วยเรื่องการจัดการโครงการ และการประสานงานต่าง ๆ อีกด้วย



สอนสร้างเพจfacebookขายของแบบง่าย











ขั้นตอนที่ 1: สร้างเพจขายของบนเฟสบุ๊ค 
ต้องบอกก่อนนะคะว่า การจะสมัครเพจเฟสบุ๊คได้ คุณผู้อ่านจะเป็นสมาชิกมีบัญชีเฟสบุ๊คอยู่ก่อนแล้ว ถ้ายังไม่มีก็ไม่ต้องห่วงค่ะ คลิ๊กอ่าน วิธีการสมัครเฟสบุ๊ค ที่นี่ก่อนได้เลยค่ะ
  • เข้าไปที่ https://www.facebook.com/pages/create
  • จากนั้นคลิกเลือกประเภทของเพจ (ถ้าคุณอยากเปิดร้านค้า แนะนำให้เลือกเป็น “แบรนด์หรือผลิตภัณฑ์” ค่ะ)

ขั้นตอนที่ 2: ใส่รายละเอียด
  • กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน
  • คลิก “เริ่มต้น”
fbpage-2

  • กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับร้าน
ในส่วนนี้ แนะนำให้คุณแม่ค้าใส่รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า (ขายอะไร, ขายยังไง) การจัดส่ง และข้อมูลการติดต่อ ให้ลูกค้าอ่านแล้วรู้ได้ทันทีเลยว่าเราขายอะไร และจะติดต่อเราได้ยังไงค่ะ

fbpage-3-copy
  • เลือกภาพโปรไฟล์ (ขนาด 180 x 180 px)
fbpage-4

  • คลิก “เพิ่มลงในรายการโปรด” 
เมื่อคลิกปุ่มนี้ เฟสบุ๊คจะเพิ่มเพจของเราเข้าไปทางด้านซ้ายมือของเมนูในหน้าเฟสบุ๊คหลัก ทำให้คุณสามารถเข้าดูหน้าเพจของคุณได้ง่ายขึ้นค่ะ
fbpage-5

  • เลือกกลุ่มเป้าหมาย
    ตำแหน่งที่ตั้ง: ไทย
    อายุ: เลือกช่วงอายุของกลุ่มเป้าหมายหลักของคุณ เช่น ถ้าคุณขายครีมชะลอวัย คุณอาจเลือกอายุเริ่มต้นที่ 20 ขึ้นไป
    เพศ: เลือกเพศที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของสินค้าคุณ เช่น ถ้าคุณขายรองเท้าสำหรับผู้ชาย ก็เลือกเพศ “ชาย” เท่านั้นก็ได้ค่ะ
    ความสนใจ: ในส่วนนี้พยายามเลือกให้ตรงกับคนที่จะสนใจสินค้าของร้านคุณนะคะ เช่น ถ้าคุณจะขายอาหารเสริมลดน้ำหนัก คุณอาจเลือกความสนใจที่เกี่ยวข้องกับ “ความสวยความงาม” “สุขภาพ” และอาจพ่วง “แฟชั่น” เข้าไปด้วยก็ได้ค่ะ เพราะเป็นไปได้ว่าคนที่มีความสนใจเรื่องการแต่งตัว ก็อาจมีความคิดอยากลดน้ำหนักเพื่อให้ใส่เสื้อผ้าได้สวยขึ้นด้วยก็ได้นะคะ
ถึงแม้ว่าการรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่แน่ชัดของเราคือใครจะเป็นเรื่องดี แต่พยายามอย่าจำกัดขนาดกลุ่มเป้าหมายจนเกินไป เพราะอาจทำให้มีคนเห็นเพจของคุณน้อย ส่งผลให้รายได้ลดน้อยลงด้วยนะคะ
  • คลิก “บันทึก”
fbpage-6

  • เรียบร้อยแล้ว! หลังคุณกดบันทึกเฟสบุ๊คจะพาคุณมาที่หน้าเพจของคุณ
ขั้นตอนที่ 3: สร้าง URL ให้ร้าน เพื่อให้คนเข้าถึงและแชร์ได้ง่ายๆ 
  • คลิก “เกี่ยวกับ” ในหน้าแรก
  • เลือก “ป้อนที่อยู่เว็บ Facebook”
  • คลิก “ต้องการสร้างที่อยู่เว็บสำหรับหน้านี้หรือไม่”

fbpage-8

  • พิมพ์ URL ที่ต้องการ (ซึ่ง URL จะไปต่อท้าย https://www.facebook.com/)
  • คลิก “ตรวจสอบความพร้อมใช้งาน” เพื่อดูว่ามีคนใช้ชื่อนี้ไปแล้วรึยัง
  • จากนั้น จะมีหน้าต่างป๊อปอัพขึ้นมา 2 หน้าต่าง หน้าต่างแรก กด “ยืนยัน” หน้าต่างที่สอง กด “ตกลง”
fbpage-9
ขั้นตอนที่ 4: เพิ่มประสิทธิภาพให้ร้านออนไลน์ด้วย Page365 ฟรี!
page365-regist-1
  • อ่านรายละเอียด และ คลิก “สมัครใช้งานผ่าน Facebook”
page365-regist-2
  • คลิก “เปิดใช้งาน” ตรงเพจร้านค้าของคุณ
page365-regist-3

ยินดีด้วยค่ะ! ตอนนี้คุณพ่อค้าแม่ค้าก็มีทั้ง Facebook Page และตัวช่วยจัดการอย่าง Page365 แล้วนะคะ การเข้าใช้ระบบจัดการร้านค้าของ Page365 ก็ไม่ยากเลย ถ้าใช้บนคอมพิวเตอร์ แค่เข้าไปล็อกอินที่ https://page365.net หรือจะใช้แอพพลิเคชั่นสำหรับ iPhone/iPad ก็ได้ ต่อไปนี้ ไม่ว่าลูกค้าจะส่ง LINE ถามราคาในคอมเมนต์เฟสบุ๊ค หรือส่งแมสเสจเข้ามาในอินบ็อกซ์ของหน้าเพจ คุณก็สามารถตอบกลับได้ง่ายๆ ในที่เดียวผ่านระบบ Page365 เลยค่ะ

เพจขายของบนเฟสบุ๊ค